เทคนิคจัดการหนี้บัตรเครดิตไม่ให้บานปลาย เคล็ดลับที่ทำได้จริง

เทคนิคจัดการหนี้บัตรเครดิตไม่ให้บานปลาย เคล็ดลับที่ทำได้จริง

บัตรเครดิตถือว่าเป็นเครื่องมือทางการเงินที่สะดวกสบาย ช่วยให้เราใช้จ่ายได้ทันใจโดยไม่ต้องพกเงินสดติดตัว แต่หลายคนก็คงเคยเจอปัญหาว่าพอรูดเพลินๆ กลายเป็นหนี้ก้อนใหญ่โดยไม่รู้ตัว ยิ่งถ้าจ่ายขั้นต่ำอย่างเดียว หนี้ก็จะบานปลายเพราะดอกเบี้ยสูงมาก จริงๆ แล้วหนี้บัตรเครดิตไม่ใช่เรื่องที่แก้ไม่ได้ค่ะ แค่เรารู้จักวางแผนและมีวินัยทางการเงิน หนี้ก้อนนั้นก็สามารถจัดการได้ และยังช่วยให้เราใช้บัตรเครดิตอย่างฉลาดในอนาคต วันนี้ฉันเลยอยากมาแชร์ เทคนิคจัดการหนี้บัตรเครดิตไม่ให้บานปลาย ที่ทำได้จริงและหลายคนลองแล้วเห็นผล

หยุดสร้างหนี้เพิ่มทันที

1. หยุดสร้างหนี้เพิ่มทันที

สิ่งแรกที่เราต้องทำเมื่อรู้ว่ามีหนี้บัตรเครดิตเยอะเกินไปคือ “หยุดรูดเพิ่ม” ค่ะ ถ้าเราไม่หยุดสร้างหนี้ใหม่ ต่อให้จ่ายไปเท่าไหร่ก็ไม่มีวันหมด โดยการเก็บบัตรเครดิตไว้ที่บ้าน ไม่พกติดตัว หรือปิดการใช้งานออนไลน์ชั่วคราว แต่ถ้ามีหลายใบ ให้เลือกปิดการใช้งานบางใบไปเลย อย่าลืมว่าการหยุดสร้างหนี้ใหม่เป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญที่สุดนะคะ

2. รู้จักตัวเลขหนี้ของตัวเองให้ชัด

หลายคนกังวลกับหนี้จนไม่กล้าเช็กยอด แต่ยิ่งไม่ดู ยิ่งจัดการยากค่ะ เราควรรู้ว่าเรามีหนี้เท่าไหร่ ดอกเบี้ยเท่าไหร่ และแต่ละใบต้องจ่ายขั้นต่ำกี่บาท อาจทำการรวมยอดหนี้ทุกบัตรเครดิตลงในกระดาษหรือไฟล์ Excel จากนั้นจัดลำดับจากดอกเบี้ยสูงสุดไปต่ำสุด จะทำให้เห็นภาพรวมว่าต้องใช้เงินเดือนละเท่าไหร่ ซึ่งการรู้ตัวเลขชัดๆ จะช่วยให้เราวางแผนได้ตรงจุดค่ะ

3. จ่ายมากกว่าขั้นต่ำเสมอ

การจ่ายขั้นต่ำอาจทำให้เราไม่ถูกติด Blacklist แต่หนี้ก็แทบไม่ลดลงเลยเพราะดอกเบี้ยสูงมาก ทางที่ดีคือพยายามจ่ายเกินขั้นต่ำให้ได้มากที่สุด ถ้าขั้นต่ำ 1,500 บาท ให้จ่าย 3,000 บาทขึ้นไป เลือกจ่ายหนี้ดอกเบี้ยสูงสุดก่อน (Debt Avalanche Method) หรือเลือกปิดหนี้ยอดเล็กก่อนเพื่อสร้างกำลังใจ (Debt Snowball Method) ทั้งสองวิธีนี้ใช้ได้ ขึ้นอยู่กับสไตล์ของเรา แต่สิ่งสำคัญคือ “อย่าจ่ายขั้นต่ำอย่างเดียว”

4. ลดรายจ่ายฟุ่มเฟือยชั่วคราว

เพื่อให้มีเงินเหลือไปโปะหนี้ เราต้องลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นลงค่ะ ลดการกินข้าวนอกบ้านบ่อยๆ งดช้อปปิ้งออนไลน์ที่ไม่จำเป็น ใช้ของที่มีอยู่แล้วแทนการซื้อใหม่ ช่วงแรกๆอาจจะลำบากนิดหน่อย แต่ถ้าหนี้หมดแล้วเราจะรู้สึกเบาสบายขึ้นเยอะเลย

ใช้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำช่วยรีไฟแนนซ์

5. ใช้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำช่วยรีไฟแนนซ์

บางครั้งการใช้สินเชื่อส่วนบุคคลที่มีดอกเบี้ยต่ำกว่า มาปิดหนี้บัตรเครดิต ก็เป็นทางออกที่ช่วยลดภาระได้ ดอกเบี้ยบัตรเครดิตเฉลี่ยอยู่ที่ 16–18% ต่อปี แต่สินเชื่อส่วนบุคคลบางเจ้ามีแค่ 8–12% เมื่อรีไฟแนนซ์แล้ว เราจะมีภาระดอกเบี้ยน้อยลงและจัดการได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตาม ต้องเลือกสถาบันการเงินที่น่าเชื่อถือ และอย่าลืมคำนวณค่าใช้จ่ายอื่นๆ ประกอบด้วยค่ะ

6. เพิ่มรายได้เสริมเพื่อโปะหนี้

นอกจากการลดรายจ่ายแล้ว การเพิ่มรายได้ก็ช่วยให้หนี้หมดไวขึ้น รับงานฟรีแลนซ์หลังเลิกงาน ขายของออนไลน์เล็กๆ น้อยๆ นำของที่ไม่ใช้แล้วไปขายมือสอง รายได้เสริมอาจไม่มาก แต่ถ้าเรานำมาโปะหนี้สม่ำเสมอ หนี้ก็จะลดลงเร็วขึ้นค่ะ

7. ตั้งเป้าหมายชัดเจนและติดตามผล

ถ้าเราไม่มีเป้าหมาย หนี้ก็อาจยืดเยื้อไม่รู้จบ ควรตั้งเป้าว่าจะปลดหนี้ภายในกี่เดือน และติดตามความคืบหน้าเป็นระยะ ตั้งเป้าว่าจะปิดบัตรเครดิตใบแรกภายใน 6 เดือน แล้วติดตามผลทุกเดือน ว่าหนี้ลดลงเท่าไหร่ ฉลองความสำเร็จเล็กๆ เมื่อทำได้ ซึ่งการมีเป้าหมายที่จับต้องได้ จะทำให้เรามีกำลังใจเดินหน้าต่อค่ะ

8. ใช้บัตรเครดิตอย่างมีสติในอนาคต

หลังจากที่เราสามารถจัดการหนี้ได้แล้ว สิ่งสำคัญคือการไม่กลับไปพฤติกรรมเดิมอีก ใช้บัตรเครดิตเพื่อสะสมแต้มและโปรโมชั่น ไม่ใช่รูดเกินกำลัง จ่ายเต็มจำนวนทุกครั้งภายในกำหนด จำกัดจำนวนบัตรที่ใช้แค่ 1–2 ใบพอ
จำไว้นะคะ บัตรเครดิตไม่ใช่ผู้ร้าย แต่ขึ้นอยู่กับว่าเราจัดการอย่างไรต่างหาก

การจัดการหนี้บัตรเครดิตไม่ให้บานปลาย ไม่ใช่เรื่องที่ทำไม่ได้เลยค่ะ แค่เราหยุดสร้างหนี้ใหม่ รู้จักตัวเลขหนี้ของตัวเอง และลงมือจ่ายอย่างมีแผน พร้อมทั้งปรับพฤติกรรมการใช้เงิน หนี้ที่ดูเหมือนใหญ่ก็สามารถค่อยๆ เคลียร์ได้ สิ่งสำคัญคือ ความสม่ำเสมอและวินัยค่ะ เมื่อผ่านพ้นช่วงนี้ไปได้ เราจะไม่เพียงแค่ปลดหนี้ แต่ยังได้บทเรียนการเงินที่มีค่ามากสำหรับอนาคตด้วย

📌 เรียบเรียงโดย: aunnaidee.com