8 เคล็ดลับหน้าใส คุณก็มีได้ แบบไม่ต้องเสียเงินแพงๆ

ภาพปก

ใบหน้าเป็นส่วนแรกที่ทุกคนมองเห็น นอกจากใบหน้าที่สวย หล่อ ดูดีแล้ว การมีใบหน้าขาวใส ไร้สิว สะอาดสะอ้านก็ทำให้คนหันมามองด้วยความสนใจได้เช่นกัน ซึ่งการมีใบหน้าที่ขาวใสนั้นไม่จำเป็นต้องกินอาหารเสริมช่วยเรื่องผิวขาว หรือเข้าคอร์สแพงๆ เสมอไปเราสามารถมีใบหน้าขาวใส ไร้สิวได้ด้วยวิธีธรรมชาติโดยไม่ต้องเสียเงินแพงๆ เลยเพียงรู้จักดูแลตัวเองด้วย 8 เคล็ดลับนี้

1. ล้างหน้าให้สะอาด

1 ล้างหน้าให้สะอาด

ผิวสวยเริ่มแรกมาจากการล้างหน้าที่สะอาด ไม่มีสิ่งสกปรกตกค้าง วันไหนที่แต่งหน้าแบบเบาๆ สามารถใช้โฟมล้างหน้าแล้วตามด้วยโทนเนอร์ได้ แต่หากวันไหนแต่งหน้าแบบจัดเต็มควรจะเพิ่มการทำความสะอาดหน้าให้มากขึ้นหน่อย ด้วยการใช้ makeup remover เช็ดเครื่องสำอางออกก่อนแล้วถึงค่อยล้างหน้าด้วยโฟม เพราะเครื่องสำอางนั้นล้วนแต่มีสารเคมีที่ทำลายความชุ่มชื่นบนใบหน้าให้ดูหมองคล้ำ ระคายเคือง เกิดสิวอุดตัน หากปล่อยทิ้งไว้ไม่ล้างหน้า หรือล้างไม่สะอาด จากหน้าใสๆ กลายเป็นหน้าโทรมๆได้แน่

2. บำรุงผิวด้วยผลิตภัณฑ์บำรุงที่ตรงกับประเภทผิว

2 ทาครีมบำรุงผิว

ล้างหน้าสะอาดแล้วก็ต้องตามด้วยการบำรุงผิวด้วยผลิตภัณฑ์บำรุงที่ตรงกับประเภทของผิว และให้เลือกใช้ครีมบำรุงผิวหน้าที่มีไวท์เทนนิ่งเป็นส่วนประกอบหลักเพื่อช่วยให้ใบหน้าขาวใส อาจจะเป็นประเภทที่มีวิตามินซีหรือ AHA จากธรรมชาติเพื่อช่วยในการผลัดเซลล์ผิวและลดเลือนเม็ดสีคล้ำให้จางลงด้วยก็ได้ ทาเป็นประจำเช้า เย็น หน้าใสๆ ขาวๆ ก็เกิดขึ้นบนใบหน้าเราได้แล้วล่ะ

3. กันแดดอย่าให้ขาด

3 ทาครีมกันแดด

แสงแดดเป็นตัวทำลายผิวที่ทำให้ผิวเราหมองคล้ำ ไม่สดใส ฉะนั้นควรจะหมั่นทาครีมกันแดดบนใบหน้าด้วย ถึงแม้ว่าจะอยู่แต่ในบ้านไม่ได้ออกไปไหนก็ตาม ก็ต้องทาครีมกันแดดด้วยเช่นกัน เพราะเป็นการปกป้องผิวหน้าจากแสงสีฟ้าที่มาจากจอคอมพิวเตอร์, สมาร์ทโฟน และดวงไฟในบ้าน การเลือกใช้ครีมกันแดดให้เลือกใช้ครีมที่เหมาะกับสภาพผิวของตัวเอง แต่ต้องมี SPF 15+ สำหรับกิจกรรมในร่ม และ SPF 30+ สำหรับกิจกรรมกลางแจ้ง ที่สำคัญควรทาก่อนออกแดด 30 นาที และหมั่นทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมงด้วย เพียงเท่านี้ก็ได้หน้าขาวกระจ่างใสแล้ว

4. สครับผิวหน้าอาทิตย์ละครั้ง

4 สครับผิว

การสครับผิวเป็นการช่วยเร่งเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดลอกได้เร็วขึ้น และเผยผิวใหม่ที่กระจ่างใสเรียบเนียนกว่าเดิม การสครับผิวหน้าควรเลือกสครับที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติและเลือกสูตรสครับที่มีความอ่อนโยนต่อผิวมากที่สุด และไม่ควรสครับผิวหน้าติดกันทุกวัน เพราะจะทำให้ผิวระคายเคือง ทำแค่อาทิตย์ละครั้งก็เพียงพอแล้ว ทำไปเรื่อยๆ สัก 4 อาทิตย์ก็เห็นผลแล้วละค่ะว่าหน้าใสขึ้นจริงๆ

5. กินอาหารที่มีประโยชน์

5 กินอาหารที่มีประโยชน์

อย่างที่บอกว่าการมีใบหน้าขาวใส ไร้สิวไม่จำเป็นต้องหาอาหารเสริมมากินหรือเข้าคอร์สแพงๆเลย เพียงหันมากินอาหารที่มีประโยชน์อย่างผัก ผลไม้ ก็ทำให้ใบหน้าขาวใส ดูสุขภาพดีได้เช่นกัน โดยเฉพาะผักผลไม้สดที่มีวิตามินซีสูง เพราะวิตามินซีเป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้ผิวได้รับการผลิตคอลลาเจนและอิลาสติน ช่วยในการกระตุ้นให้ผิวหน้าขาวกระจ่างใสได้มากยิ่งขึ้น อีกทั้งในผักผลไม้ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยชะลอความแก่ ทำให้ผิวหน้าดูอ่อนเยาว์กว่าวัย ห่างไกลจากริ้วรอยได้ด้วย ที่สำคัญควรหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วยนะคะ หากไม่อยากให้ใบหน้าดูโทรมและแก่ไว

6. ดื่มน้ำเยอะๆ และพักผ่อนให้เพียงพอ

6 ดื่มน้ำเปล่า

หากใครอยากให้ผิวหน้าและผิวกายชุ่มชื่น แนะนำให้ดื่มน้ำเยอะๆอย่างน้อย 8 – 12 แก้วต่อวัน ก็จะช่วยให้ผิวดูอิ่มน้ำ กระจ่างใสได้ อีกอย่างหนึ่งคือการดื่มน้ำเยอะๆยังช่วยให้ใบหน้าห่างไกลไร้สิวด้วย การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอเช่นกัน ก็มีส่วนทำให้หน้าใสได้ ซึ่งการนอนหลับที่ดีควรจะนอนให้ได้มากกว่า 6 ชั่วโมงต่อวัน เพื่อให้สารธรรมชาติในร่างกายของเราฟื้นฟู ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

7. ออกกำลังกายเป็นประจำ

7 ออกกำลงกายเป็นประจำ

การออกกำลังกายช่วยกระตุ้นให้เลือดในร่างกายของเราหมุนเวียนได้ดีขึ้น หากไม่มีเวลาออกกำลังกาย อย่างน้อยก็เจียดเวลาสัก 30 นาทีไปเดินหรือวิ่งเหยาะๆก็ยังดี อีกอย่างการทำงานบ้าน อย่างถูบ้าน ล้างรถ ซักผ้าด้วยมือ ก็ถือเป็นการออกกำลังกายด้วยเช่นกัน ยิ่งเราได้ออกกำลังกายทุกวันก็จะยิ่งทำให้ผิวพรรณของเราดูสุขภาพดี มีเลือดฝาด เพราะสารอาหารและออกซิเจนเข้าไปหล่อเลี้ยงเซลล์ร่างกายแต่ละส่วนได้อย่างเต็มที่นั่นเอง

8. หลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสเค็ม น้ำตาลสูง

8 หลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสเค็ม น้ำตาลสูง

การกินอาหารที่มีรสเค็มจัด หรือกินอาหารที่มีน้ำตาลสูง จะทำให้ใบหน้าแก่ก่อนวัยได้ อีกทั้งยังทำให้ตัวบวม หน้าบวม ผิวแห้ง มีสิว และมีชั้นถุงใต้ตาที่หย่อนคล้อยและหนาขึ้น เนื่องจากน้ำตาลไปทำลายคอลลาเจนรวมถึงอีลาสตินในผิว ในขณะที่โซเดียมทำให้ร่างกายขาดน้ำและผลิตน้ำมันออกมาทดแทน โดยปกติระดับน้ำตาลที่พอเหมาะกับร่างกายในแต่ละวันอยู่ที่ไม่เกิน 6 ช้อนชา ส่วนโซเดียมไม่ควรเกิน 2,300 มิลลิกรัม หรือเทียบเท่าเกลือ 1 ช้อนชา