อยากให้ลูกน้อยฉลาดอาหารการกินก็เป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะในช่วงขวบปีแรกสมองของลูกจะได้รับการพัฒนาอย่างรวดเร็วดังนั้นจึงต้องเสริมอาหารเข้าไปเพื่อให้สมองพัฒนาอย่างเต็มที่ ซึ่งอาหารที่ลูกน้อยควรได้รับก็เป็นสารอาหารจำพวกโปรตีน สังกะสี เหล็ก โฟเลต วิตามินบางชนิด และกรดไขมันไม่อิ่มตัว เพราะหากลูกขาดสารอาหารเหล่านี้จะทำให้เกิดปัญหาในการทำงานของสมองขึ้นได้ และอาหารบำรุงสมองที่ว่าก็มีอยู่ในอาหารจำพวกเหล่านี้
1. ผักใบเขียว
ผักใบเขียวอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยในเรื่องการจดจำได้ดี และยังมีธาตุเหล็กที่มีความสำคัญกับเซลล์เม็ดเลือด การควบคุมปริมาณธาตุเหล็กในร่างกายให้อยู่ในระดับดีจะทำให้ลูกมีสมาธิมากขึ้น กลับกันหากลูกไม่ได้รับธาตุเหล็กเพียงพอก็จะทำให้เรียนรู้ได้ไม่ค่อยดีนัก ซึ่งผักใบเขียวก็มีอยู่หลากหลายชนิดด้วยกันเช่น ผักคะน้า ผักโขม ผักกาดเขียวปลี สาหร่ายเคล การจะทำเมนูผักใบเขียวให้ลูกกินอาจนำผักโขมกับสาหร่ายเคลไปปั่นรวมกับแครอทและแอปเปิ้ล เพื่อให้รสชาติของน้ำผัก ผลไม้ดีขึ้น หรือจะนำไปผสมกับข้าวก็ได้
2. ฟักทอง
ฟักทองเป็นแหล่งรวมสารอาหารที่ดีที่สุด มีทั้งวิตามินเอ เบต้าแคโรทีน โพแทสเซียม โปรตีน เหล็ก รวมถึงวิตามินเค วิตามินซี โฟเลต ไนอะซิน ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม แคลเซียม โซเดียม และสังกะสี เมื่อลูกอายุครบ 6 เดือน คุณพ่อคุณแม่สามารถบดฟักทอง หรือจะนำฟักทองไปนึ่งให้ลูกกินได้ หรือถ้าอยากให้มีรสชาติเพิ่มขึ้นมาอาจจะนำไปผสมกับธัญพืชโฮมเมด โยเกิร์ต หรือเนื้อสัตว์ก็ได้ค่ะ
3. อะโวคาโด
อะโวคาโดก็เป็นอีกหนึ่งสุดยอดอาหารบำรุงสมองลูกน้อย เพราะนอกจากจะอุดมไปด้วยโอเมก้า 3 แล้ว ยังมีวิตามินชนิดต่างๆทั้งวิตามินซี วิตามินอี วิตามินเค และวิตามินบี 6 ที่ช่วยลดความดันเลือด ทำให้สมองมีพัฒนาการมากขึ้น ซึ่งอะโวคาโดนี้สามารถนำมากินแบบดิบๆได้ แต่คุณพ่อคุณแม่ต้องหั่นเป็นชิ้นเล็กๆให้ลูกเสียก่อน เพื่อจะได้ทานสะดวก ไม่ติดคอ หรือจะนำอะโวคาโดไปบดแล้วไปทาบนขนมปังปิ้งก็อร่อยเหมือนกัน
4. มะละกอ
ภาพจาก https://rositacorrer.com
มะละกอเป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง และยังมีวิตามินเอ วิตามินอี กรดโฟลิกอีกด้วย เมนูที่คุณพ่อคุณแม่จะทำให้ลูกน้อยวัย 6 เดือนกินได้ก็คือ การนำมะละกอมาบดกับช้อนแล้วป้อนเข้าปากลูกได้เลย แต่ต้องเป็นมะละกอสุกเท่านั้นนะคะ หากใช้มะละกอดิบจะทำให้ลูกปวดท้องได้ และไม่ควรให้ลูกกินมะละกอสุกเกินวันละ 2 – 3 ออนซ์ เพราะจะทำให้ลูกปวดท้องได้เช่นกัน
5. แซลมอน
ปลาไขมันสูงอย่างแซลมอนเป็นแหล่งโอเมก้า 3 อย่างดีที่มีกรดไขมัน EPA และ DHA สูง ซึ่งสารอาหารเหล่านี้จำเป็นมากในการเสริมสร้างและพัฒนาสมองของลูก การกินแซลมอนให้เพียงพอจะทำให้ลูกมีความจำที่ดีขึ้น และสมองก็จะมีทักษะเพิ่มเติมมากขึ้นได้อีกหลายแบบ ซึ่งแซลมอนนั้นสามารถนำไปทำเมนูได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นย่าง ทอด ต้ม แต่ส่วนมากจะนำแซลมอนไปย่างกันแล้วนำไปเสิร์ฟพร้อมผักให้ลูกน้อยกิน
6. ข้าวโอ๊ต
ข้าวโอ๊ตอุดมไปด้วยใยอาหารที่ช่วยควบคุมสมองของลูกให้มีพลังเต็มพิกัดในการเรียนรู้สิ่งต่างๆ นอกจากนี้ข้าวโอ๊ตยังเป็นแหล่งของโปรตีนและไฟเบอร์อีกด้วย สามารถกินร่วมกับผลไม้ นม โยเกิร์ต และน้ำผึ้งได้ แต่น้ำผึ้งให้กินเฉพาะเด็กที่มีอายุ 1 ปีขึ้นไปเท่านั้นนะคะ
7. ถั่วและเมล็ดพืช
ถั่วและเมล็ดพืชอุดมไปด้วยไขมัน เหล็ก ซิงค์ และโปรตีน ซึ่งมีความสำคัญต่อสมองของลูกน้อยที่จะทำให้มีความจำดีขึ้น สามารถนำเมล็ดทานตะวัน หรือเมล็ดงา นำไปโปรยบนคัพเค้ก หรือนำเนยถั่วไปทาบนขนมปังปิ้งก็ได้ ส่วนเมล็ดถั่วและเมล็ดชนิดอื่นๆสามารถนำไปใส่รวมกับซีเรียลได้ด้วยเช่นกั
8. ไข่
ภาพจาก https://www.posttoday.com
เป็นที่รู้กันดีว่าไข่มีโปรตีนสูง และไข่แดงยังอุดมไปด้วยโคลินที่มีส่วนช่วยพัฒนาความจำ ช่วยบำรุงร่างกายและช่วยฟื้นฟูสุขภาพด้วย ไข่เป็นอาหารที่นำมารังสรรค์ได้หลายเมนู จะนำไข่มาต้มแล้วหั่นเป็นชิ้นๆใส่ในสลัดให้ลูกกินกับผักก็ได้ จะนำไข่ไปเจียวหรือดาวก็ได้ หรือจะตีไข่แล้วนำไปผสมกับข้าวโอ๊ตก็อร่อยเหมือนกัน แต่แนะนำให้ลูกน้อยกินไข่แค่วันละ 1 ฟองก็พอนะคะ
9. ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่
ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ไม่ว่าจะเป็นสตรอว์เบอร์รี่ เชอร์รี่ บลูเบอร์รี่ แบล็กเบอร์รี่ ก็ได้ทั้งนั้น ยิ่งหากเป็นผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ที่มีสีเข้มยิ่งมีสารอาหารสูง นอกจากนี้ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระและฟลาโวนอยด์ด้วย มีผลงานวิจัยออกมาว่าสารสกัดจากบลูเบอร์รี่และสตรอว์เบอร์รี่ช่วยให้ความจำดีขึ้น แต่หากได้กินสดๆจะยิ่งได้รับสารอาหารแบบเต็มๆ คุณพ่อคุณแม่สามารถนำสตรอว์เบอร์รี่ เชอร์รี่ บลูเบอร์รี่ แบล็กเบอร์รี่ ไปหั่นเป็นชิ้นเล็กๆให้ลูกกินได้ หรือจะนำไปใส่ชามผสมกับข้าวโอ๊ต หรือโยเกิร์ตให้มีรสชาติเพิ่มขึ้นมาได้
10. โยเกิร์ต
โยเกิร์ตธรรมชาติอุดมไปด้วยวิตามิน กรดไขมัน และไบโอติก ที่มีหน้าที่ช่วยเสริมสร้างการทำงานของเซลล์สมองลูกน้อย นอกจากนี้ยังช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันและสุขภาพของลูกน้อยดีขึ้นด้วย ให้กินโยเกิร์ตรสธรรมชาติก่อนจะดีกว่า ส่วนโยเกิร์ตรสชาติอื่นๆให้กินตอนลูกโตขึ้นมาอีกหน่อย