เดินทางมาถึงครึ่งปีกันแล้ว เข้าสู่ฤดูฝนอย่างเป็นทางการ แค่หลับตาลงก็ได้กลิ่นหอมไอดิน เสียงสายฝนโปรยปราย ความเขียวขจีของต้นไม้ใบหญ้า เมฆหมอกลอยฟุ้งสลับยอดเขาสูง แค่ได้จินตนาการเอาตัวเองไปอยู่ท่ามกล่างบรรยากาศแบบนั้นก็มีความสุขแล้ว วันนี้แอดมี 10 สถานที่ท่องเที่ยวฤดูฝนมาฝากสำหรับขาเที่ยวฤดูฝนแบบลุยๆ ไม่กลัวเปียกและเที่ยวเชิงวัฒนธรรมท้องถิ่นมาฝากกันค่ะ จะมีที่ไหนบ้างมาดูกันเลย
1. ทุ่งดอกกระเจียว อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม จังหวัดชัยภูมิ
ภาพจากเฟสบุ๊ค อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม Pa Hin Ngam National Park
ต้องบอกเลยว่าทุ่งดอกกระเจียวเป็นสถานที่แรกที่แอดคิดถึง เพราะ 1 ปีนางจะออกดอกบานสพรั่งเต็มพื้นป่าแค่ครั้งเดียวเท่านั้น และต้องเป็นเดือนกรกฎาคมด้วยนะ หาชมได้ยากมาก แนะนำให้ไปถึงช่วงเช้าๆ นะคะ หรือไม่ก็ไปกางเต้นท์นอนที่อุทยานฯ สัก 1 คืน แล้วก็ตื่นเช้าๆ ออกไปเดินชมและที่สำคัญภาวนาให้คืนที่ไปฝนตก รับรองได้ว่าตื่นเช้ามาหมอกหนาแน่นอนค่ะ พร้อมให้เราไปเดินชมความงามของท้องทุ่งดอกกระเจียว อารมณ์แบบในจินตนาการคือเหมือนได้เดินอยู่ในทุ่งดอกไม้ของสวรรค์เลยล่ะ 555
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม : อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม Pa Hin Ngam National Park หรือโทร 044-890015
ที่ตั้ง : อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม ต.บ้านไร่ อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ
2. เทศกาลผีตาโขน จังหวัดเลย
ภาพจากเฟสบุ๊ค ททท.สำนักงานเลย TAT Loei Office
เป็นอีกหนึ่งงานประเพณีประจำปีที่ยิ่งใหญ่ประจำอำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมงานประเพณีผีตาโขนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวด้วยคำว่า “ผี” คำเดียวสั้นๆ ก็ทำให้หลาย ๆ คนตื่นเต้นที่จะมาให้เห็นกับตาตัวเองกันแล้วว่าผีตาโขนที่ว่าเนี่ยเป็นแบบไหนกันนะ ขอเล่าให้ฟังนิดนึงนะคะว่าผีตาโขนมีที่มาที่ไปยังไง ต้นกำเนิดผีตาโขนมีที่มาไม่ชัดเจน ว่ากันว่าผีตาโขนเกิดขึ้นเมื่อครั้งที่พระเวสสันดรและนางมัทรีจะเดินทางออกจากป่า แล้วกลับสู่บ้านเมืองบรรดาผีป่าหลายตนและสัตว์นานาชนิดมาส่งด้วยความอาลัยรักจึงพากันแอบแฝงตัวมากับชาวบ้าน เพื่อมาส่งทั้งสองพระองค์กลับเมือง จึงเรียกกันว่า “ผีตามคน” หรือ “ผีตาขน” ภายหลังเรียก “ผีตาโขน” อย่างในปัจจุบัน ส่วนหน้ากากของผีตาโขนนั้นทำมาจากก้านมะพร้าวแห้งนำมาตัดตกแต่งเพ้นท์ลวดหลายสีสันให้สวยงามแล้วแต่ไอเดียของแต่ละคน เพื่อให้สะดุดตาของผู้ที่มาเที่ยวงานและสร้าความประทับใจ ปกติแล้วงานเทศกาลผีตาโขนมักจะจัดประมาณกลางเดือนมิถุนายนของทุกปี แต่ในปี 2565 มีข้อมูลจาก เฟสบุ๊ค ททท.สำนักงานเลย : TAT Loei Office ได้ประกาศเกี่ยวกับการจัดงานเทศกาลผีตาโขน ระหว่างวันที่ 1-3 กรกฎาคม 2565 (และชมขบวนแห่ผีตาโขนวันที่ 2 กรกฎคาคม 2565)
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เฟสบุ๊ค ททท.สำนักงานเลย : TAT Loei Office หรือโทร 042-812812
ที่ตั้ง : บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอด่านซ้ายและที่วัดโพนชัย จังหวัดเลย
3. ทุ่งดอกเทียนปีกผีเสื้อ ดอยหัวหมด จังหวัดตาก
ภาพจาก www.mushroomtravel.com
คงจะดีไม่น้อยถ้ามีความสวยงามของดอกไม้ขึ้นมาประดับตกแต่งบนยอดเขาหัวโล้น อย่างดอยหัวหมดนี้ เต็มไปด้วยทุ่งดอกเทียนปีกผีเสื้อดอกไม้ชนิดนี้เป็นดอกไม้ละม้ายคล้ายรูปหัวใจ ตัวดอกจะมีสีชมพูอมม่วง ส่วนกลีบดอกจะดูคล้ายกับปีกผีเสื้อที่กำลังบิน มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ บานสะพรั่งกระจายเต็มลานหิน เติบโตได้ดีบนหินปูนที่เป็นลานโล่ง จัดเป็นดอกไม้ท้องถิ่น พบเฉพาะจังหวัดตากและกาญจนบุรี ซึ่งในหนึ่งปีจะมีให้ชมช่วงเดียวเท่านั้นคือ ช่วงหน้าฝน ประมาณเดือนกรกฎาคมถึงเดือนกันยายนของทุกปี เมื่อถึงช่วงที่ดอกเทียนปีกผีเสื้อบาน บนยอดดอยหัวหมดก็จะเต็มไปด้วยสีชมพูทั่วบริเวณ จนชาวบ้านเรียกดอยแห่งนี้ว่า ดอยชมพู สำหรับใครที่วางแผนเที่ยวหน้าฝน หรือกำลังจะไปเที่ยวที่จังหวัดตาก ก็อย่าลืมขึ้นดอยไปชมความสวยงามของทุ่งดอกเทียนปีกผีเสื้อกันนะคะ เพื่อนๆ สามารถสอบถามช่วงเวลาในการบานของดอกไม้ป่าจากคนในพื้นที่ก่อน หรือโทรสอบถามกับทางสำนักงานท่องเที่ยวก่อนจะได้ไม่พลาดโอกาส
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ททท.สำนักงานตาก หรือโทร. 0-5551-4341-3
ที่ตั้ง : ต.อุ้งผาง อ.อุ้มผาง จ.ตาก
4. ประเพณีแห่เทียนพรรษา จังหวัดอุบลราชธานี
ภาพจากเฟสบุ๊ค ททท.สำนักงานอุบลราชธานี
นึกถึงเทียนพรรษาต้องนึกถึง งานประเพณีแห่เทียนพรรษา จังหวัดอุบลราชธานี ที่นี่จัดแบบยิ่งใหญ่อลังการตระการตามากๆ เลยค่ะ เป็นประติมากรรมแกะสลักต้นเทียนให้มีลวดหลายที่อ่อนช้อยงดงามเพื่อนำมาประกวดกันด้วย โดยจะมีขบวนแห่ต้นเทียนและขบวนฟ้อนรำจากคุ้มวัดต่าง ๆ นอกจากนี้ยังมีการแสดงแสงสีเสียง ขบวนแห่ภาคกลางคืน และกิจกรรมเยือนชุมชนคนทำเทียน อื่นๆ อีกมากมาย งานปีนี้มีชื่อเต็มๆ ว่า ประเพณีแห่เทียนพรรษาอุบลราชธานี “121 ปี ทวยราษฎร์ใฝ่ธรรม งามล้ำเทียนพรรษา” ประจำปี 2565 กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 11-17 กรกฎาคม 2565 ชมพิธีปล่อยขบวนต้นเทียน ได้แก่ ขบวนเทียนพรรษาพระราชทาน ขบวนต้นเทียน ประเภทแกะสลัก ประเภทติดพิมพ์ และขบวนเทียนโบราณ
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ททท.จังหวัดอุบลราชธานี หรือโทร. 0-4534-4583-4
ที่ตั้ง : ณ บริเวณทุ่งศรีเมือง จ.อุบลราชธานี
5. หมู่บ้านอีต่อง เหมืองปิล็อก จังหวัดกาญจนบุรี
ภาพจาก Trip.com
“อีต่อง ปิล็อก” แค่ชื่อก็ดึงดูดอยากให้เข้าไปทำความร้จักซะแล้ว ว่าแต่หมู่บ้านนี้น่าเที่ยวยังไงนะ เดี๋ยวแอดพาไปทำความรู้จักค่ะ หมู่บ้านอีต่องเกิดขึ้นพร้อมๆ กับช่วงที่ทางการเปิดเหมืองปิล๊อก เพื่อทำการขุดแร่วุลแพรมและดีบุก และให้สัมปทานกับบริษัทเอกชนเข้ามาทำเหมืองบางส่วน ทำให้หมู่บ้านอีต่องมีคนเข้ามามากมาย เกิดการแลกเปลี่ยนค้าขาย มีสถานบันเทิงและโรงหนังสำหรับคนงานที่เข้ามาทำเหมือง จนกระทั่งเกิดวิกฤตราคาแร่ตกต่ำทั่วโลก เหมืองจำนวนมากทยอยปิด คนงานอพยพไปหางานทำที่อื่น ทำให้หมู่บ้านอีต่องกลายเป็นหมู่บ้านที่เงียบสงบ ต่อมาได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ถูกพูดถึงเป็นอันดับต้นๆ ของจังหวัดกาญจนบุรี หมู่บ้านอีต่องเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ริมชายแดนไทย-พม่า เป็นที่อาศัยของหลายชนชาติจึงมีความหลากหลายทางวัฒนธรรม เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเรียนรู้วัฒนธรรมพื้นบ้านที่เงียบสงบ ยังคงไว้ซึ่งความเป็นธรรมชาติและวัฒนธรรมท้องถิ่น สภาพอากาศเย็นสบายตลอดปี ยิ่งในช่วงหน้าฝนทั่วทั้งหมู่บ้านจะถูกปกคลุมไปด้วยทะเลหมอกขาวโพลน จนกลายเป็นเอกลักษณ์ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเที่ยวชมและสัมผัสความสวยงามนี้ ปัจจุบันหมู่บ้านอีต่องมีร้านอาหาร โฮมสเตย์ เกสต์เฮ้าส์ ร้านขายของที่ระลึก ร้านกาแฟน่ารัก ๆ ถนนคนเดินในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ไว้คอยต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วย รวมถึงสายผจญภัยทั้งหลายที่ชื่นชอบความตื่นเต้นท้าทาย อยากทดสอบกำลังขาด้วยการเดินขึ้นเขาเนินช้างเผือก ก็ต้องมาเริ่มต้นเดินเท้าจากหมู่บ้านอีต่องแห่งนี้ละค่ะ ที่สำคัญอีกอย่างก็คือหมู่บ้านอีต่องมีอาหารทะเลสดจากทะเลอันดามันนำเข้าจากฝั่งประเทศพม่าจำหน่ายให้นักท่องเที่ยวอีกด้วยนะคะ มาแล้วไม่ผิดหวังแน่นอนจ้า
ที่ตั้ง : บ้านอีต่อง ตำบลปิล็อก อำเภอทองผาภูมิ
6. บ้านป่าบงเปียง จังหวัดเชียงใหม่
ภาพจาก www.thaihrhub.com
เมื่อย่างเข้าสู่ฤดูฝนก็นับเป็นช่วงเวลาที่สำคัญของเกษตรกร นั้นเป็นสัญญาณบอกว่าเริ่มเข้าสู่ฤดูกาลทำนาแล้วนะ ไม่ว่าจะอยู่ภาคไหนของประเทศไทยก็ต้องทำนาปลูกข้าวทุกๆ ปี และที่หมู่บ้านแห่งนี้ก็เช่น บ้านป่าบงเปียง ด้วยความที่ต้องทำนาอยู่บนภูเขา จึงทำเป็นนาขั้นบันได พอต้นข้าวเติบโตได้ที่ความสวยงามเขียวขจีถูกแต่งแต้มบนภูเขามองไปสวยงามสุดลูกหูลูกตา ไม่แปลกใจเลยที่ได้ชื่อว่าสวยงามที่สุดในประเทศไทย แนะนำให้มาช่วงเดือนกรกฎาคม-ตุลาคม นะคะจะได้ชมสีเขียวของต้นข้าว ถ้ามาช้ากว่านี้ก็จะได้เห็นสีเหลืองทองอร่ามของต้นข้าวแทน แต่สำหรับแอดก็สวยงามทั้งสองแบบเลยล่ะ พลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง
ที่ตั้งบ้านป่าบงเปียง : ตำบลช่างเคิ่ง อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่
7. หินสามวาฬ ภูสิงห์ จังหวัดบึงกาฬ
ภาพจาก thailandtourismdirectory.go.th
เดินทางไปดูก้อนหินกันทุกคน มาดูความสวยงามแบบอันซีนที่ตั้งตระง่านอยู่กลางป่า ไม่ใช้ก้อนหินธรรมดานะคะ แต่เป็นอภิมหามหึมาก้อนหินสามก้อนใหญ่เรียงกันถ้ามองจากมุมสูงหรือมองจากภาพถ่ายทางอากาศจะมีลักษณะเหมือน วาฬพ่อ แม่ ลูก จึงเรียกที่นี่ว่า “หินสามวาฬ” ตามข้อมูลที่พูดต่อๆ กันมาว่ามีอายุกว่า 75 ล้านปีมาแล้วนะ ไม่ธรรมดาจริงๆ และในช่วงหน้าฝนแบบนี้เป็นช่วงที่เหมาะเจาะที่เราจะเดินทางแบบลุยป่าฝ่าดงเข้าไปถ่ายรูปเท่ห์ๆ อยู่บนหลังวาฬแบบที่ไม่ต้องลงดำน้ำเลยทีเดียว อิอิ ฉากประกอบที่ขาดไม่ได้เลยนั้นก็คือทะเลหมอกจ้า ทะเลหมอกแบบอลังการงานสร้างเลยละ รับรองว่าได้ภาพสวยๆ สำหรับโปรไฟล์ใหม่แน่นอนจ้า
ที่ตั้งหินสามวาฬ : ตำบลโคกก่อง อำเภอเมืองบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ
8. ภูป่าเปาะ ฟูจิเมืองไทย จังหวัดเลย
ภาพจาก thai.tourismthailand
ใครอยากไปภูเขาไฟฟูจิยกมือขึ้น จะบอกว่าที่บ้านเราก็มีเหมือนกันนะ เรียกว่า ภูหอ ด้วยความที่มีลักษณะเหมือนภูเขาไฟฟูจิ จึงได้ฉายาว่า ฟูจิเมืองเลย จุดที่สามารถมองเห็นวิวนี้ได้เพื่อนๆ ต้องมาดูที่ภูป่าเปาะ ซึ่งจะเป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นภูหอ ที่มีลักษณะเหมือนภูเขาไฟฟูจินั้นแหละค่ะ ต้องขอบอกว่าเป็นวิวแบบพาโนราม่าเลยแหละ นอกจากจะมองเห็นยอดภูหอแล้ว โดยรอบเราจะมองเห็นภูกระดึง ภูหลวง ภูยอง ภูผาขวาง ภูค้อ-ภูกระแต สวนหินผางามอีกด้วยเด้อ เพิ่มเติมอีกนิดจุดนี้ยังเป็นจุดที่เราชมพระอาทิตย์ขึ้นและตกอีกด้วยนะ เรียกได้ว่ามาที่นี้จุดเดียวคุ้มเลย ยิ่งในช่วงฤดูหนาวหรือฝนตกหมอกจะลอยปกคลุมบริเวณยอดภูหอ ยิ่งทำให้เหมือนภูเขาไฟฟูจิเข้าไปอีก เสน่ห์ของที่นี่อีกอย่างคือ นักท่องเที่ยวต้องจอดรถไว้ที่ทำการของภูป่าเปาะ แล้วใช้บริการรถอีแต๊กท้องถิ่นขึ้นมามีค่าบริการด้วยนะคะ เพิ่มความตื่นเต้นให้กับนักท่องเที่ยวที่ไม่เคยนั่งรถอีแต๊กขึ้นไปอีกระดับนึง
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว โทร 081-4718406 (ลุงโก)
ที่ตั้งภูป่าเปาะ : บ้านผาหวาย ตำบลปวนพุ อำเภอหนองหิน จังหวัดเลย
9. ล่องแก่งลำน้ำเข็ก จังหวัดพิษณุโลก
ภาพจากเฟสบุ๊ค ททท. สำนักงานพิษณุโลก
แอดเชื่อว่าสายผจญภัยชอบความตื่นเต้นท้าทายหลาย ๆคนต้องไม่พลาดกิจกรรมนี้แน่นอน นั้นก็คือ ล่องแก่งกับชาวแก็ง วันนี้แอดมีสถานที่ล่องแก่งมาแนะนำที่เหมาะสำหรับทั้งมือใหม่และมือเก๋า เพราะมีหลายระดับแก่งให้เลือกได้ ยิ่งเข้าหน้าฝนแบบนี้รับรองมันส์แน่นอนค่ะ เป็นลิสต์หลายการที่ต้องทำในช่วงหน้าฝนอันดับต้นๆ เลยทีเดียว แอดขอแนะนำสถานที่ล่องแก่งที่นี่เลย “ลำน้ำเข็ก” พิษณุโลก การันตีความสนุกสนานเร้าใจ ด้วยกระแสน้ำที่เชี่ยวกรากยิ่งเพิ่มความมันส์ นึกถึงล่องแก่ง นึกถึง ลำน้ำเข็กพิษณุโลก
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม : ททท.สำนักงานพิษณุโลก เบอร์โทร 055-252742-3 , 097-0721838
ที่ตั้งล่องแก่งน้ำเข็ก : ตำบลวังนกแอ่น อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก
10. น้ำตกโกรกอีดก จังหวัดสระบุรี
ภาพจาก www.thetrippacker.com
บางครั้งหน้าฝนกับพาเอาความร้อนมาด้วยเหมือนกันนะ สิ่งที่แอดคิดได้คือไปนอนแช่น้ำที่ไหนสักแห่งนึง ครั้นจะไปสระว่ายน้ำก็ง่ายไปไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าไหร่ แนะนำที่นี่เลยค่ะ “น้ำตกโกรกอีดก” ที่ เจ็ดคต-โป่งก้อนเส้า จังหวัดสระบุรี มีฉายาว่า ทีลอซู แห่งเขาใหญ่ ชื่อ โกรกอีดก มาจากภาษาชาวบ้านที่เรียกคำว่า โกรก แปลว่า ภูเขา และ ดก แปลว่า เยอะ นึกภาพง่ายๆ คือ แถวนั้นมีภูเขาเยอะนั้นเอง น้ำตกที่นี่จะมีทั้งหมด 8 ชั้น แต่จะนิยมเที่ยวกันถึงแค่ชั้น 7 และน้ำตกโกรกอีดกอยู่ที่ชั้น 7 นี่ละค่ะ ขอบอกเลยว่าสวยงามมากเหมือนน้ำที่ตกลงมาจากสวรรค์ด้วยสภาพแวดล้อมป่าไม้ที่ยังคมอุดมสมบูรณ์ไปด้วยพืชพรรณนานาชนิดที่แอดเชื่อว่าหลายๆ คนคงจะไม่เคยเห็นหรือไม่รู้จักเลยด้วยซ้ำ ความสนุกความตื่นเต้นมันอยู่ที่ระหว่างการเดินทางนี่ล่ะค่ะ ระหว่างทางเพื่อน ๆจะได้พบกับทรายริมลำธารที่เป็นโป่งของผีเสื้อ เห็ดแชมเปญ มอส เฟิร์น และพืชพรรณนานาชนิด สายแอดเวนเจอร์ต้องไม่พลาดที่นี่เด็ดขาด
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม : หน่วยพิทักษ์ เขาใหญ่ 18 เจ็ดคต เบอร์โทร 085-9683520 , 089-2378659
ที่ตั้งน้ำตกโกรกอีดก : บ้านโกรกอีดก ตำบลชะอม อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี
ทั้ง 10 สถานที่เที่ยวหน้าฝนที่แอดเลือกมาเป็นเพียงแค่ส่วนน้อยของสถานที่ท่องเที่ยวในบ้านเรา หวังว่าจะเป็นตัวเลือกที่ช่วยวางแผนในการเลือกเดินทางสำหรับวันหยุดยาวเดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้นะคะ ขอให้เพื่อนๆ aunnaidee มีความสุขเที่ยวสนุกในช่วงฤดูฝนนี้และดูแลสุขภาพกันด้วยนะคะ